จากสถิติพบว่าในแต่ละปีจะมีรายงานการเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับสถานที่อับอากาศเกิดขึ้นบ่อยมาก และการเกิดแต่ละครั้งก็มักจะมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากสาเหตุ หลักๆ ดังนี้
· ขาดการระบายอากาศตามธรรมชาติ
· ปริมาณออกซิเจน ในบรรยากาศมีไม่เพียงพอ
· มีสารไวไฟหรือสารที่ระเบิดไอยู่ในบรรยากาศ
· มีอันตรายอื่น ๆ ที่เราไม่คาดคิด
· มีทางเข้าออกที่จำกัด
· มีสารที่เป็นอันตรายปนเปื้อนในบรรยากาศในปริมาณที่สูง
· มีข้อจำกัดเรื่องการเคลื่อนไหว
และพบว่า 3 องค์ประกอบต่อไปนี้มักจะขาดหายไปเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นในสถานที่อับอากาศ
1. ขาดการตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นทั้งของพนักงานผู้ปฎิบัติงานและ หัวหน้างาน
2. ขาดการตรวจวัดและประเมินสภาพแวดล้อมก่อนเข้าไปปฎิบัติงาน และการตรวจติดตามหลังจากเข้าไปปฎิบัติงานแล้ว
3. ขาดแผนงานและบุคลากรที่มีประสิทธิภาพในการช่วยชีวิต หรือกู้ชีพ
การฝึกอบรม
การตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัย ดังนั้นการฝึกอบรมจึงควรเน้นไปที่เรืองของอันตรายที่อาจเกิดขึ้นภายในสถานที่อับอากาศ และข้อควรปฎิบัติ ในการป้องกันการบาดเจ็บและอุบัติเหตุ ผู้ฝึกสอนควรเน้นไปที่เรื่องของการเสียชีวิตซึ่งมักจะเป็นผลลัพธ์ของการเกิดอุบัติเหตุในสถานที่อับอากาศ
การตรวจวัด
การตรวจวัดสภาพแวดล้อม การประเมิน และการตรวจติดตามอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน มากกว่าครึ่งหนึ่งของการเสียชีวิตในสถานที่อับอากาศเกิดจากสถาพบรรยากาศที่เป็นอันตราย เช่น การมีไอระเหยของสารพิษที่เป็นอันตราย การขาดออกซิเจน ดังนั้นควรมีการการตรวจวัดสถาพแวดล้อมภายในสถานที่อับอากาศก่อนเข้าไปปฎิบัติงานโดยผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีความรู้ เพื่อประเมินว่ามีความปลอดภัยในการเข้าไปปฎิบัติงานหรือไม่ การตรวจวัดควรตรวจวัดปริมาณออกซิเจน ปริมาณสารไวไฟ และสารที่เป็นพิษหรือที่เป็นอันตรายอื่น ๆ
การช่วยชีวิต หรือ การกู้ชีพ
การฝึกอบรม อุปกรณ์เครื่องมือ และหน่วยกู้ภัยที่มีประสบการณ์ จะต้องพร้อมเสมอในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน จากสถิติพบว่าการเสียชีวิตส่วนหนึ่งเกิดจากความเร่งรีบ ของทีมกู้ภัยที่เข้าช่วยเหลือโดยขาดการฝึกอบรม และเครื่องมือที่เหมาะสม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น